วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

หน้าแรก

สื่อการเรียนการสอน

เรื่อง   กรด-เบส


จัดทำโดย
นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6
เสนอ
อาจารย์พิมล  กลิ่นขจร


โรงเรียนบางปะกอกวิทยาคม

กรด-เบส (สารละลายอิเล็กโทรไลต์และนอนอิเล็กโทรไลต์)

1.สารละลายอิเล็กโทรไลต์และนอนอิเล็กโทรไลต์
 สารละลายอิเล็กโทรไลต์ (Electrolyte) คือสารที่ละลายในตัวทำละลายแล้วแตกตัวเป็นไอออนได้   ทำให้สามา รถนำไฟฟ้าได้   แบ่งเป็น
1.     อิเล็กโทรไลต์แก่  -   สารที่ละลายในตัวทำละลายแล้วแตกตัวเป็นไอออนได้ดีมาก หรือ แตกตัวได้หมด  ทำให้มีสภาพนำไฟฟ้าได้ดีมาก   เช่น   NaCl ,  KNO3 ,  Ca(OH)2  เป็นต้น
2.     อิเล็กโทรไลต์อ่อน  -   สารที่ละลายในตัวทำละลายแล้วแตกตัวเป็นไอออนได้บางส่วนหรือแตกตัวได้น้อย  ทำให้นำไฟฟ้าได้น้อย    เช่น    HF ,  HCN   เป็นต้น
*     ความแรงของกรด เบส
เบสแก่    คือ   เบสที่แตกตัวเป็นไอออนได้มาก  100%   นำไฟฟ้าได้ดีมาก   เรียกอีกอย่างว่า   อิเล็กโทรไลต์แก่   เช่น  เบสหมู่  1 ทุกตัว
กรดแก่    คือ   กรดที่แตกตัวเป็นไอออนได้มาก  100%  นำไฟฟ้าได้ดีมาก   เรียกอีกอย่างว่า  อิเล็กโทรไลต์แก่   เช่น    กรด  Hydro ,  กรด  Oxy
เบสอ่อน    คือ   เบสที่แตกตัวเป็นไอออนได้น้อย      นำไฟฟ้าได้น้อย     เรียกอีกอย่างว่า    อิเล็กโทรไลต์อ่อน
เช่น   Na4OH                                                  
 กรดอ่อน   คือ   กรดที่แตกตัวเป็นไอออนได้น้อย     นำไฟฟ้าได้น้อย     เรียกอีกอย่างว่า    อิเล็กโทรไลต์อ่อน  เช่น    HCN ,  HF                                                                                 
*     ปัจจัยที่มีผลต่อการแตกตัวของ กรด -  เบส
1.   ชนิดของกรด -  เบส    กรดแก่ -  เบสแก่  แตกตัวได้  100%   ส่วนกรดอ่อน -  เบสอ่อน  แตกตัวได้น้อย
2.   อุณหภูมิ    อุณหภูมิยิ่งสูง   จะละลายน้ำได้ดีขึ้น  แตกตัวมากขึ้น
3.   ความเข้มข้น    กรดเบสเจือจางแตกตัวได้ดีกว่า  กรดเบสเข้มข้น   เช่น   การเติมน้ำกลั่นใน  battery รถก็เพื่อทำให้สารละลายเจือจางลง  ซึ่งจะทำให้แตกตัวได้ดีขึ้น   และ  นำไฟฟ้าได้ดีขึ้น

กรด-เบส (สารละลายกรดและสารละลายเบส)

2.สารละลายกรดและสารละลายเบส
   2.1ไอออนในสารละลายกรด
ในสารละลายกรดทุกชนิด จะมีไอออนที่เหมือนกันอยู่ส่วนหนึ่งคือ H+ หรือ เมื่อรวมกับน้ำได้เป็น H3O+ (ไฮโดรเนียมไอออน) ทำให้กรดมีสมบัติเหมือนกัน ตัวอย่างเช่น สารละลายกรดไฮโดรคลอริก (HCl) ซึ่งเกิดจากกรด HCl ละลายในน้ำ โมเลกุลของ HCl และ น้ำต่างก็เป็นโมเลกุลโคเวเลนต์มีขั้ว ทำให้เกิดแรงดึงดูดระหว่างขั้วของ HCl และน้ำ โดยที่โปรตอน (H) ของ HCl ถูกดึงดูดโดยโมเลกุลของน้ำเกิดเป็นไฮโดรเนียมไอออน (H+ + H2O --> H3O+) ในบางครั้งเขียนแทน H3O+ ด้วย H+ โดยเป็นที่เข้าใจว่า H+ นั้นจะอยู่รวมกับโมเลกุลของน้ำในรูป H3O+ เสมอ
      2.2ไอออนในสารละลายเบส
ในสารละลายเบสทุกชนิดจะมีไอออนที่เหมือนกันอยู่คือ ไฮดรอกไซด์ไอออน (OH-) ซึ่งทำให้เบสมีสมบัติเหมือนกัน และมีสมบัติต่างไปจากกรด
3.ทฤษฎีกรด-เบส
ทฤษฎีกรด -  เบสอาร์เรเนียส (Arrhenius)  กล่าวว่า  กรด  คือสารที่ละลายน้ำแล้วแตกตัวให้  H   หรือ  H3O    ส่วนเบส   คือสารที่ละลายน้ำแล้วแตกตัวให้  OH


*     ทฤษฎีกรด -  เบส  เบรินสเตด-ลาวรี  (Bronsted-Lowry)   กล่าวว่า   กรด  คือสารที่ให้โปรตอนแก่ สารอื่น   ส่วนเบส   คือ  สารที่รับโปรตอนจากสารอื่น


(Thomas Martin Lowry )
(Bronsted, Johannes Nicolaus )
*     ทฤษฏีกรด -  เบส  เรวิส  (Lewis)  กล่าวว่า   กรด  คือ  สารที่รับอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว จากสารอื่น    ส่วน  เบสคือ  สารที่ให้อิเล็กตรอนคู่โดด เดี่ยวแก่สารอื่น 

กรด-เบส (สารละลายกรด-เบส)

สารละลายกรด - เบส
สมบัติของสารละลายกรด - เบส
     สารละลายกรด (Acid) หมายถึง สารประกอบที่มีธาตุไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบ เมื่อละลายน้ำสามารถแตกตัวให้ไฮโดรเจนไอออน (H+)
     สารละลายเบส (Base) หมายถึง สารประกอบที่ละลายน้ำแล้วแตกตัวให้ไฮดรอกไซด์ไอออน (OH-)
สมบัติของสารละลายกรด
     สารละลายกรดมีสมบัติทั่วไป ดังนี้
     1.  กรดทุกชนิดจะมีรสเปรี้ยว กรดชนิดใดมีรสเปรี้ยวมากแสดงว่ามีความเป็นกรดมาก เช่น กรดแอซีติกที่เข้มข้นมากจะมีรสเปรี้ยวจัด เมื่อนำมาทำน้ำส้มสายชูจะใช้กรดแอซีติกที่มีความเข้มข้นเพียง 5% โดยมวลต่อปริมาตร (กรดแอซีติก 5 กรัม ละลายในน้ำ 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร) เพื่อให้มีรสเปรี้ยวน้อยพอเหมาะกับการปรุงอาหาร
     2.  เปลี่ยนสีของกระดาษลิตมัสจากสีน้ำเงินเป็นสีแดง สำหรับกระดาษลิตมัสเป็นอิน ดิเคเตอร์ชนิดหนึ่งที่ใช้ทดสอบความเป็นกรดเป็นเบส
     3.  กรดทำปฏิกิริกับโลหะบางชนิด เช่น ทองแดง สังกะสี แมกนีเซียม ดีบุก และอลูมิเนียม ได้แก๊สไฮโดรเจน (H2) เมื่อนำแผ่นสังกะสีจุ่มลงไปในสารละลายกรดเกลือ จะเกิดปฏิกิริยาเคมีได้ฟองแก๊สไฮโดรเจนผุดขึ้นมาจากสารละลายกรดอย่างต่อ เนื่อง ซึ่งจะสังเกตเห็นได้ง่าย และเนื่องจากแก๊สไฮโดรเจนเป็นแก๊สที่เบากว่าอากาศ จึงมีผู้นำปฏิกิริยาดังกล่าวมาใช้เตรียมแก๊สไฮโดรเจน
     นอกจากนี้กรดจะทำปฏิกิริยากับโลหะบางชนิด เช่น ทองคำ ทองคำขาว เงิน ปรอท ได้ช้ามากหรืออาจไม่เกิดปฏิกิริยา
     4.  กรดทำปฏิกิริยากับเบสได้เกลือและน้ำ เช่น กรดเกลือทำปฏิกิริยากับโซเดียมไฮดรอกไซด์ซึ่งเป็นเบส ได้เกลือโซเดียมคลอไรด์หรือเกลือแกง ทำปฏิกิริยารหว่างกรดและเบสที่พอดีจะเรียกว่า ปฏิกิริยาสะเทิน

     5.  กรดสามารถเกิดปฏิกิริยากับหินปูนซึ่งเป็นสารประกอบแคลเซียมคาร์บอเนต ทำให้เกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ โดยเราสามารถทดสอบแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นผ่านแก๊สเข้าไปในน้ำปูนใส (สารละลายของแคลเซียมไฮดรอกไซด์ในน้ำ) ซึ่งจะทำให้น้ำปูนใสขุ่นทันที เนื่องจากแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จะทำปฏิกิริยากับแคลเซียมไฮดรอกไซด์ในน้ำปูน ใสได้แคลเซียมคาร์บอเนตซึ่งเป็นสารที่ไม่ละลายน้ำ
     6.  สารละลายกรดทุกชนิดนำไฟฟ้าได้ดี เพราะกรดสามารถแตกตัวให้ไฮโดรเจนไอออน (H+)
     7.  กรดทุกชนิดมีค่า pH น้อยกว่า 7
     8.  กรดมีฤทธิ์กัดกร่อนสารต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิต ถ้ากรดถูกผิวหนังจะทำให้ผิวหนังไหม้ ปวดแสบปวดร้อน หากกรดถูกเส้นใยของเสื้อผ้า เส้นใยจะถูกกัดกร่อนให้ไหม้ได้ นอกจากนี้กรดยังทำลายเนื้อไม้ กระดาษ และพลาสติกบางชนิดได้ด้วย


กรด-เบส (สมบัติของสารละลายเบส)

สมบัติของสารละลายเบส     สารละลายเบสมีสมบัติทั่วไป ดังนี้
     1.  เปลี่ยนสีของกระดาษลิตมัสจากสีแดงเป็นสีน้ำเงิน
     2.  เบสทำปฏิกิริยากับกรดจะได้เกลือและน้ำ ตัวอย่างเช่น สารละลายโซดาไฟ (โซเดียมไฮดรอกไซด์) ทำปฏิกิริยากับกรดเกลือ (กรดไฮโดรคลอริก) จะได้เกลือโซเดียมคลอไรด์ นอกจากนี้สารละลายโซดาไฟสามารถทำปฎิกิริยากับกรดไขมันได้เกลือโซเดียมของกรด ไขมัน หรือที่เราเรียกว่า สบู่ (Soap)
     3.  เบสทำปฏิกิริยากับสารละลายแอมโมเนียมไนเดรตได้แก๊สแอมโมเนีย ซึ่งเรานำมาใช้ ดมเมื่อเป็นลม
     4.  เบสทุกชนิดมีค่า pH มากกว่า 7 สามารถกัดกร่อนโลหะอลูมิเนียม และสังกะสี ทำให้มีฟองแก๊สเกิดขึ้น

กรด-เบส (อินดิเคเตอร์สำหรับกรด – เบส)

8.อินดิเคเตอร์สำหรับกรด – เบส
ในชีอินดิเคเตอร์  คือ สารที่ใช้บอกความเป็นกรด-เบส ของสารละลายได้อย่างหนึ่ง สารประกอบที่เปลี่ยนสีได้ที่ pH  เฉพาะตัว จะถูกนำมาใช้เป็นอินดิเคเตอร์ได้  เช่น ฟีนอล์ฟทาลีน จะไม่มีสีเมื่ออยู่ในสารละลายกรด และจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู เมื่ออยู่ในสารละลายเบสที่มี  pH  8.3
การเปลี่ยนสีของอินดิเค เตอร์
  HIn   เป็นสัญลักษณ์ของอินดิเคเตอร์ที่อยู่ในรูปกรด (Acid form)
  In   เป็นสัญลักษณ์ของอินดิเคเตอร์ที่อยู่ในรูปเบส (Basic form)
 รูปกรดและรูปเบสมีภาวะสมดุล เขียนแสดงได้ด้วยสมการ ดังนี้
     HIn (aq)   +  H2O (l)  <-------->  H3O+ (aq)   +  In- (aq)
   ไม่มีสี * (รูปกรด)                                      สีชมพู* (รูปเบส)       ;  (*  = กรณีเป็นฟีนอล์ฟทาลีน)

กรด-เบส (ปฏิกิริยาของกรดและเบส)

9.ปฏิกิริยาของกรดและเบส
    9.1ปฏิกิริยาระหว่างกรดกับเบส
จากทฤษฎีกรด-เบสของเบรินสเตตและลาวรี  กรดคือสารที่ให้โปรตอน และเบสคือ สารที่รับโปรตอน เมื่อกรดทำปฏิกิริยากับเบส จึงมีการถ่ายโอนโปรตอนระหว่างกรดและเบสนั่นเอง
ปฏิกิริยาระหว่างกรดกับเบส แบ่งออกได้ตามชนิดของปฏิกิริยาดังนี้
            1.ปฏิกิริยาระหว่างกรดแก่กับเบสแก่ เช่น ปฏิกิริยาระหว่างกรดแก่ HCl  กับเบสแก่ KOH ได้เกลือ KCl  และน้ำ 
            2.ปฏิกิริยาระหว่างกรดแก่กับเบสอ่อน เช่น ปฏิกิริยาระหว่างกรดแก่ HCl  กับเบสอ่อน NH4OH  ได้เกลือ  NH4Cl  และน้ำ
            3.ปฏิกิริยาระหว่างกรดอ่อนกับเบสแก่  เช่น ปฏิกิริยาระหว่างกรด CH3COOH  และเบส NaOH  ได้เกลือโซเดียมแอซิเตต (CH3COONa)  และน้ำ
           
            4.ปฏิกิริยาระหว่างกรดอ่อนกับเบสอ่อน เช่น ปฏิกิริยาระหว่างกรด HCN  กับเบส NH4OH ได้เกลือ NH4CN    และน้ำ
         ปฏิกิริยาระหว่างกรดและเบสในน้ำนี้จะทำให้สารละลายที่ได้แสดงสมบัติเป็นกรด เบส หรือกลางได้ ซึ่งพิจารณาได้เป็น 2 กรณี
            1.ในกรณีกรดและเบสทำปฏิกิริยากันแล้วมีกรดหรือเบสเหลืออยู่ ถ้ามีกรดเหลืออยู่สารละลายแสดงสมบัติเป็นกรด ถ้ามีเบสเหลืออยู่สารละลายก็จะแสดงสมบัติเป็นเบส
            2.ถ้ากรดกับเบสทำปฏิกิริยากันหมดพอดี ได้เกลือกับน้ำ สารละลายของเกลือที่ได้จากปฏิกิริยา จะแสดงสมบัติเป็นกรด เบส หรือกลาง ขึ้นอยู่กับชนิดของเกลือนั้นว่ามาจากกรดและเบสประเภทใด ทั้งนี้เพราะเกลือแต่ละชนิดจะเกิดการแตกตัวและทำปฏิกิริยากับน้ำ เรียกว่า ไฮโดรไลซีส ซึ่งจะทำให้สารละลายแสดงสมบัติกรด-เบสต่างกัน รายละเอียดอยู่ในหัวข้อต่อไป
9.2ปฏิกิริยาของกรดหรือเบสกับสารบางชนิด
กรดนอกจากจะสามารถทำปฏิกิริยาสะเทินกับเบสได้เกลือกับน้ำ แล้วยังสามารถทำปฏิกิริยากับโลหะบางชนิด เช่น Zn,  Fe,  ได้ก๊าซ H2 และเกลือของโลหะนั้น หรือทำปฏิกิริยากับเกลือคาร์บอนเนต เช่น CaCO3 , Na2CO3 หรือเกลือ NaHCO3   ได้ก๊าซ CO2