9.3ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิส
ไฮโดรไลซีส หมายถึง ปฏิกิริยาระหว่างสาร(เกลือ) กับน้ำ
ไฮโดรไลซีสของเกลือ หมายถึง ปฏิกิริยาระหว่างเกลือกับน้ำ เกลือเป็นอิเล็กโทรไลต์แก่ เมื่อเกลือละลายในน้ำ เกลือจะแตกตัวออกเป็นไอออนบวกและไอออนลบทั้งหมด ดังนั้น สมบัติของสารละลายของเกลือ จึงขึ้นอยู่กับไอออนบวกและไอออนลบในสารละลายนั้น ไอออนบางตัวสามารถที่จะทำปฏิกิริยากับน้ำและให้ H+ หรือ OH- ได้ ปฏิกิริยานี้จึงเรียกว่า ปฏิกิริยาไฮโดรไลซีส 1. การไฮโดรไลซีสของเกลือที่เกิดจากกรดแก่และเบสแก่
เกลือประเภทนี้เมื่อละลายในน้ำจะไม่เกิดปฏิกิริยาไฮโดรไลซีสกับน้ำ ทั้งนี้เพราะ ทั้งไอออนบวกที่มาจากเบสแก่ และไอออนลบที่มจากกรดแก่ ต่างก็ไม่ทำปฏิกิริยากับน้ำ เช่น NaCl เมื่อละลายน้ำได้ Na+ และ Cl- ทั้ง Na+ ซึ่งมาจากเบสแก่ และ Cl- ซึ่งมาจากกรดแก่ HCl จะไม่ทำปฏิกิริยากับน้ำ ไม่มีผลต่อค่า pH ของสารละลาย สารละลายจึงเป็นกลาง คือมี [H3O+] และ [OH-] ที่แตกตัวจากน้ำมีปริมาณเท่ากัน pH ของสารละลายเท่ากับ 7
2. การไฮโดรไลซีสของเกลือที่เกิดจากกรดอ่อนกับเบสแก่
เกลือประเภทนี้เมื่อละลายน้ำจะได้ไอออนลบที่มาจากกรดอ่อนที่มีสมบัติเป็นคู่เบสที่แรงพอสมควร ไอออนลบที่เกิดขึ้นจะเกิดปฏิกิริยาไฮโดรไลซีสกับน้ำได้ OH- ไอออนทำให้สารละลายแสดงสมบัติความเป็นเบส ตัวอย่างเช่น NaClO เมื่อละลายน้ำจะให้ Na+ และ ClO- ดังนี้
NaClO (s) ฎ Na+ (aq) + ClO- (aq)
ClO- จะเกิดปฏิกิริยาไฮโดรไลซีส โดยรับโปรตอนจากน้ำได้เป็น HClO และ OH- ตามสมการ ClO- (aq) + H2O (l) HClO (aq) + OH- (aq) สำหรับ Na+ (aq) ไอออน ซึ่งมาจากเบสแก่ NaOH ไม่เกิดการไฮโดรไลซีส
ดังนั้นสารละลายที่เกิดจากการละลายของเกลือ NaClO ในน้ำแล้วเกิดการไฮโดรไลซีสของ ClO- (aq) จะได้ OH- ไอออน จึงแสดงสมบัติเป็นเบส pH ของสารละลายมีค่ามากกว่า 7
3. การไฮโดรไลซีสของเกลือที่เกิดจากกรดแก่กับเบสอ่อน
เกลือประเภทนี้เมื่อละลายน้ำจะให้ไอออนบวกที่มาจากเบสที่เป็นคู่กรด ที่มีความแรงพอสมควร ไอออนบวกนี้จะเกิดปฏิกิริยาไฮโดรไลซีสกับน้ำให้ H3O+ ทำให้สารละลายแสดงสมบัติเป็นกรด
ส่วนไอออนลบซึ่งมาจากกรดแก่ ไม่เกิดปฏิกิริยาไฮโดรไลซีส ตัวอย่างเช่น
NH4Cl ซึ่งเกิดจากกรดแก่ HCl กับเบสอ่อน NH3
NH4Cl แตกตัวในน้ำได้ NH4+ และ Cl- ทั้งหมด
NH4Cl (aq) ฎ NH4+ (aq) + Cl- (aq)
Cl- ไม่เกิดการไฮโดรไลซีส แต่ NH4+ เกิดไฮโดรไลซีส โดย NH4+ จะให้โปรตอนกับ H2O ได้เป็น NH3 (aq) และ H3O (aq) ดังสมการ
NH4+ (aq) + H2O (l) NH3 (aq) + H3O+ (aq)
จะเห็นได้ว่าผลจากการไฮโดรไลซีสของ NH4Cl จะได้ H3O+ ดังนั้นสารละลายของเกลือ NH4Cl จึงแสดงสมบัติเป็นกรด pH ของสารละลายมีค่าน้อยกว่า 7
4.การไฮโดรไลซีสของเกลือที่เกิดจากกรดอ่อนและเบสอ่อน
เกลือประเภทนี้เมื่อละลายน้ำได้ไอออนบวกและไอออนลบ ซึ่งไอออนทั้งสองนี้ สามารถเกิดปฏิกิริยาไฮโดรไลซีสได้ทั้งคู่ ไอออนบวกของเกลือจะเกิดปฏิกิริยาไฮโดรไลซีสได้ H3O+ ส่วนไอออนลบได้ OH- ดังนั้นความเป็นกรด-เบสของสารละลายจึงขึ้นอยู่กับว่าไอออนบวกหรือไอออนลบเกิดปฏิกิริยาการไฮโดรไลซีสได้ดีกว่ากัน โดยพิจารณาจากค่าคงที่ของการแตกตัวของคู่เบส (Kb) (ไอออนลบ) หรือค่าคงที่การแตกตัวของคู่กรด Ka (ไอออนบวก)
เนื่องจาก ค่า Kb > Ka ดังนั้นแสดงว่า CN- เกิดปฏิกิริยาไฮโดรไลซีสให้ OH- ได้ดีกว่า NH4+ ดังนั้น [OH-] > [H3O+] สารละลายของเกลือ NH4CN จึงแสดงสมบัติเป็นเบส pH มีค่ามากกว่า 7
5.การไฮโดรไลซีสของไอออนลบของเกลือที่เกิดจากกรดพอลิโปรติก
ไอออนลบของเกลือที่เกิดจากกรดพอลิโปรติก เช่น CO32- , PO43- สามารถเกิดปฏิกิริยาการไฮโดรไลซีสได้หลายขั้น เนื่องจากสามารถรับ H+ จาก H2O ได้มากกว่า 1 โปรตอน เช่น
ปฏิกิริยาการไฮโดรไลซีสของเกลือ Na2CO3 (s)
เมื่อ เกลือ Na2CO3 (s) ละลายน้ำ จะเกิดการแตกตัวเป็นไอออนได้หมด คือ
Na2CO3 (s) ฎ Na+ (aq) + CO32- (aq)
Na+ ไม่เกิดปฏิกิริยาไฮโดรไลซีส เนื่องจากมาจาก เบสแก่ NaOH
CO32- (aq) เกิดปฏิกิริยาการไฮโดรไลซีสได้ 2 ขั้นตอนดังนี้
CO32- (aq) + H2O (l) HCO3- (aq) + OH- (aq) และ HCO3- (aq) + H2O (l) H2CO3 (aq) + OH- (aq) 1.4.การคำนวณเกี่ยวกับการไฮโดรไลซีสของเกลือแบบต่างๆ
จากที่กล่าวมาแล้ว เกลือที่เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างกรดและเบสนั้น อาจเกิดหรือไม่เกิดปฏิกิริยาไฮโดรไลซีสก็ได้ขึ้นอยู่กับชนิดของเกลือ
1.การคำนวณเกี่ยวกับเกลือที่เกิดจากกรดแก่และเบสแก่
เกลือชนิดนี้ไม่เกิดปฏิกิริยาไฮโดรไลซีสสารละลายแสดงสมบัติเป็นกลาง
2.การคำนวณเกี่ยวกับเกลือที่เกิดจากกรดอ่อนและเบสอ่อน เช่น CH3COoNa เกลือชนิดนี้แตกตัวให้ไอออนลบที่สามารถเกิดปฏิกิริยาไฮโดรไลซีสได้
CH3COONa แตกตัว 100 % ได้ CH3COO- (aq) และ Na+ (aq)
CH3COONa (aq) ฎ CH3COO- (aq) + Na+ (aq)
CH3COO- ที่ได้ก็คือเบสอ่อน ซึ่งสามารถรับโปรตอนจากน้ำได้เป็นกรดแอซิติก และได้ OH- ซึ่งมาจากการที่โมเลกุลของน้ำที่ให้โปรตอน ทำให้สารละลายเป็นเบส CH3COO- (aq) + H2O (l) CH3COOH (aq) + OH- (aq)
3.การคำนวณเกี่ยวกับเกลือที่เกิดจากกรดแก่และเบสอ่อน เช่น NH4Cl ซึ่งเป็นเกลือที่เกิดจากกรดแก่ HCl และเบสอ่อน NH4OH เกลือ NH4Cl เมื่อละลายน้ำจะแตกตัวให้ NH4+ และ Cl- NH4+ เป็นกรดอ่อน สามารถให้โปรตอน (H+) กับน้ำได้ H3O+ ทำให้สารละลายเป็นเบส
4.การคำนวณเกี่ยวกับเกลือที่เกิดจากกรดอ่อนและเบสอ่อน
เกลือที่เกิดจากกรดอ่อนและเบสอ่อน เมื่อแตกตัวในน้ำจะให้ไอออนที่มาจากกรดอ่อนและไอออนที่มาจากเบสอ่อน ไอออนทั้งสองเกิดการไฮโดรไลซีสได้ทำให้เกิดทั้ง OH- และ H3O+ ในสารละลาย สารละลายอาจเป็นกรด กลาง หรือเบสก็ได้ ขึ้นอยู่กับปริมาณ OH- หรือ H3O+ ปฏิกิริยาการสะเทิน (Neutralization reaction)
ปฏิกิริยาการสะเทิน หมายถึง ปฏิกิริยาระหว่างกรดและเบส ซึ่งเข้าทำปฏิกิริยาพอดีกันได้สารผลิตภัณฑ์ คือ เกลือและน้ำ
การหาปริมาณสารซึ่งเป็นกรดหรือเบส โดยอาศัยปฏิกิริยาการสะเทิน
เราสามารถหาปริมาณสารซึ่งเป็นกรดหรือเบส โดยอาศัยปฏิกิริยาการสะเทินข้างต้น
การหาปริมาณที่เป็นกรดหรือเบสนี้ ใช้วิธีที่สารละลายตัวอย่างที่เป็นกรดหรือเบส ทำปฏิกิริยากับสารละลายที่ทราบความเข้มข้นที่แน่นอนซึ่งเป็นเบสหรือกรด แล้ววัดปริมาตรของสารละลายทั้งสองที่เข้าทำปฏิกิริยากัน
สารละลายที่ทราบความเข้มข้นที่แน่นอน เรียกว่า สารละลายมาตรฐาน และกระบวนการหาปริมาณสารโดยวิธีใช้สารละลายมาตรฐานให้ทำปฏิกิริยากับสารตัวอย่าง เรียกว่า วิธีการไทเทรต
11.การไทเทรตกรด-เบส(Acid-base titration)
การไทเทรตกรด-เบส หมายถึง กระบวนการหาปริมาณสาร โดยวิธีใช้สารละลายมาตรฐานที่ทราบค่าความเข้มข้นที่แน่นอน ให้ทำปฏิกิริยากับสารตัวอย่าง โดยอาศัยหลักการเกิดปฏิกิริยาระหว่างสารละลายกรดและเบสที่เข้าทำปฏิกิริยากันพอดี ทำให้คำนวณหาความเข้มข้นหรือปริมาณของสารตัวอย่างดังกล่าวได้
วิธีการไทเทรตกรด-เบส คือ นำสารละลายกรดหรือเบสตัวอย่างที่ต้องการวิเคราะห์หาปริมาณ มาทำการไทเทรตกับสารละลายเบสหรือกรดมาตรฐานที่ทราบค่าความเข้มข้นที่แน่นอน กล่าวคือ ถ้าสารละลายตัวอย่างเป็นสารละลายกรด ก็ต้องใช้สารละลายมาตรฐานเป็นเบส นำมาทำการไทเทรต แล้วบันทึกปริมาตรของสารละลายมาตรฐานที่ใช้ในการทำปฏิกิริยาพอดีกัน จากนั้นนำไปคำนวณหาปริมาณของสารตัวอย่างต่อไป หรือทางตรงกันข้าม ถ้าใช้สารละลายตัวอย่างเป็นเบส ก็ต้องใช้สารละลายมาตรฐานเป็นกรด